ประวัติ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ Harry Maguire

ประวัติ แฮร์รี่ แม็คไกวร์

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม : เจค็อบ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

เกิด : วันที่ 5 มีนาคม 1993 (2536)

อายุ : 29 ปี

เกิดที่ : เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ

ตำแหน่ง : กองหลัง

ส่วนสูง : 194 เซนติเมตร

ประวัติ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กับชีวิตในวัยเด็ก

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 1993 ที่ประเทศอังกฤษ ณ เมืองเชฟฟิลด์ เนื่องจากคุณพ่อของ แม็กไกวร์นั้นเป็นนักฟุตบอลมาก่อนทำให้เจ้าตัวได้รับอิทธิพลเรื่องฟุตบอลมาเต็มๆ เช่นเดียวกันกับน้องชายทั้ง 2 คนของเขา ก็เลือกเดินในเส้นทางของฟุตบอลเช่นกัน

แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ มักเดินทางไปหาคัดตัวอยู่ตามอคาเดมี่ของทีมต่างๆอยู่เสมอ จนในที่สุดก็ได้เข้าร่วมทีมของ บาร์นสลี่ย์ ในระดับเยาวชน ก่อนที่เขาจะย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในปี 2009 ด้วยวัย 16 ปี

จากนั้น ในปี 2011 แม็กไกวร์ ในวัย 18 ปี ก็ได้รับโอกาสให้ขึ้นไปเล่นกับทีมชุดใหญ่ และได้ประเดิมสนามเป็นครั้งแรก ในช่วงท้ายของศึกแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2010/11 ในขณะนั้นสถานะการณ์ของทีมไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเสี่ยงต่อการตกชั้นเป็นอย่างมาก และจนในที่สุด เชฟฟิลด์ จบในอันดับที่ 23 เป็นของบ๊วย ทำให้ต้องตกชั้นไปในที่สุด

แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กับฮัลล์ ซิตี้

ในปี 2014 แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ในวัย 21 ปี ก็ได้ย้ายซบ ฮัลล์ ซิตี้ ทีมในศึกพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวเริ่มเล่นให้กับ ฮัลล์ ซิตี๊ จากการเล่นเป็นตัวสำรองให้กับทีมก่อน จนในที่สุดเจ้าตัวก็ได้ลงสนามเป็นครั้งแรกในนัดที่ ฮัลล์ ซิตี๊ เปิดบ้านแพ้ให้กับ สวอนซี 0-1 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2014 อย่างไรก็ตาม เขาได้รับโอกาสลงเล่นในลีกให้ทีมเพียง 3 เกมเท่านั้น และเขาก็ถูกปล่อยตัวให้กับ แอธเลติก ทีมในศึกแชมเปี้ยนชิพ ยืมตัวไป ในปี 2015 และเมื่อ แม็กไกวร์ มาถึงเจ้าตัวก็กลายเป็นตัวหลังของทีมทันที

ทว่าต่อมา หลังจากที่ ฮัลล์ ซิตี้ ตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ ในซีซั่น 2015/16 ฮัลล์ ซิตี๊ จึงได้ดึงตัว แม็กไกวร์ กลับมาช่วยทีม แล้วเขาก็ไม่ทำให้ต้นสังกัดต้องผิดหวัง เมื่อเขากลายเป็นกำลังสำคัญในการพาทีมกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้ทันทีในฤดูกาลต่อมา หลังจบ ฮัลล์ ซิตี๊ อันดับ 4 ของตาราง ก่อนจะเป็นผู้ชนะในการเล่นเพลย์ออฟ

ผลงานการเล่นของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ โดดเด่นเป็นอย่างมาก จนไปเข้าตาแมวมองของ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ ส่งผลให้อดีตทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก ปี 2015/16 สนใจที่จะดึงเขามาร่วมทัพ เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2017 ด้วยค่าตัวราว 17 ล้านปอนด์

แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กับเลสเตอร์ ซิตี้

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ในวัย 24 ปี ได้กลายเป็นนักเตะตัวหลักของเลสเตอร์ทันที เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น โดยเขาได้ลงสนามให้ทีมตั้งแต่เกมแรกของซีซั่น จากนั้นเขาก็ได้สร้างสถิติอันน่าเหลือเชื่อ เมื่อเขาลงเล่นให้ ในฤดูกาล 2017/18 และพาทีมจบในอันดับ 9 ของตาราง ทำให้ แม็กไกวร์ เริ่มมีชื่อเสียง และก้าวเป็นกองหลังเบอร์ต้นๆ ของพรีเมียร์ลีก จากนั้น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็เป็นที่สนใจของทีมใหญ่ๆทั่วลีก ที่ให้การสนใจในตัวเขา

จนกระทั่ง ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 จุดเปลี่ยนครั้งใหญี่ที่สุดของเขาก็มาถึง เมื่อเขานั้นโชว์ฟอร์มกับ เลสเตอร์ ซิตี๊ ได้อย่างยอดเยี่ยมจนไปเข้าตาทีมยักษ์ใหญ่อย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยพวกเขานั้นทุ่มเงินกว่า 80 ล้านปอนด์ เพื่อกระชากตัวเขาเข้าสู่รั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งทำให้เขากลายเป็น กองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกทันที โดยทำลายสถิติของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่ย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ไปร่วมทัพ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์

แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เมื่อ แม็กไกวร์ มาถึงเจ้าตัวก็ได้โชว์ฟอร์มได้อย่างยอมเยี่ยมในช่วงเวลาแรกที่มาถึง โรงละครแห่งความฝัน แม้จะมีข้อผิดพลาดบ้างในบ้างครั้ง แต่โดยรวมแล้วถือว่า เขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และ แม็กไกวร์ ก็เป็นกองหลังคนหนึ่งที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไว้ใจให้รับปลอกแขนทำหน้าที่เป็น กัปตันทีม ของแมนยู ตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายไปร่วมทีมเลยด้วย

ซึ่งสุดท้ายแล้ว ฤดูกาล 2019/20 ก็กลายเป็นอีกซีซั่นที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกครบทุกนัด และครบทุกนาที พร้อมช่วยให้ แมนยูฯ จบในอันดับ 3 ของตารางได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หากเทียบกับฟอร์มในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกของพวกเขาที่ทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย

จนกระทั้งในปัจจุบันในซีซั่น 2021/22 แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ตกที่น่าลำบากเป็นอย่างมาก เพราะว่าออยู่ดีๆฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวตกลงไปแบบน่าใจหาย โดยมีหลายครั้งที่เจ้าตัวพลาดแบบไม่น่าให้อภัย ซ้ำยังมีอยู่อีกหลายครั้งที่เจ้าตัวสกัดเข้าประตัวตัวเอง แถมยังได้รับใบเหลืองและใบแดงแบบที่ไม่ควรที่จะเล่นแบบนั้น ทำให้เจ้าตัวตกไปเป็นตัวสำรองอยู่หลายเกมในช่วงท้ายฤดูกาล 2021/22

แม็คไกวร์ กับผลงานทีมชาติอังกฤษ

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เจ้าตัวมีเส้นทางการติดทีมชาติที่แตกต่างไปจาก คนอื่นๆ โดยเจ้าตัวติดทีมชาติครั้งแรก ทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี ในเดือนพฤศจิกายน 2012 ในเกมที่ทัพ สิงโตคำราม U21 เอาชนะ ไอร์แลนด์เหนือ U21 2-0 เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น

ก่อนที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จะได้รับโอกาสติดทีมชาติอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เป็นการติดทีมชาติ อังกฤษ ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2017 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป ที่ อังกฤษ ในยุคของ แกเร็ธ เซาธ์เกต บุกเฉือนชนะ ลิทัวเนีย 1-0 ด้วยวัย 24 ปี 7 เดือน 3 วัน

หลังจากนั้น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็ติดทีมชาติเรื่อยมา กระทั่งมีชื่อติดทีม ไปลุยศึก ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย โดยเขาลงเล่นให้ อังกฤษ ครบทุกนัด พร้อมทำไป 1 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ กลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ อังกฤษ คว้าอันดับที่ 4 ไปครองได้สำเร็จ

จากนั้น เขาก็ยังช่วยพา อังกฤษ ไปคว้าอันดับ 3 ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2018/19 ตามด้วยการผ่านการคัดเลือก จนได้เข้ารอบสุดท้ายของศึก ยูโร 2020 ที่ถูกเลื่อนมาแข่งขันในช่วงกลางปีนี้ได้สำเร็จ

จวบจนถึงปัจจุบัน แม็กไกวร์ ยังคงเป็นกำลังหลักของ ทีมชาติอังกฤษ โดยเขาติดธงไปแล้ว 30 นัด ยิงได้ 2 ประตู และทำไป 1 แอสซิสต์