paul scholes

ตำแหน่ง: กองกลาง, มิดฟิลด์
วันเกิด: 16 พฤศจิกายน 1974 (อายุปัจจุบัน 46 ปี)
สถานที่เกิด: ซัลฟอร์ด, อังกฤษ
น้ำหนัก 70
ส่วนสูง 168
ทีมชาติ: อังกฤษ

หากจะให้พูดถึงนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคนไหนที่ทำให้เพื่อนๆเริ่มเชียร์ทีมผีศาจแดงทีมนี้ บางคนอาจจะบอก คริสเตียโน่ โรนัลโด้,รูนี่,เดวิด เบ็คแฮม แต่วันนี้ผมจะเปิดแฟ้มประวัติหนึ่งในนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ โรนัลโด้ รู้นี่หรือเหล่าตำนานของสโมสรแห่งนี้ นักเตะที่ถูกยกย่องมากมาย นักเตะที่ดูธรรมดาๆ แต่แฝงไปด้วยประสิทธิภาพเมื่อเค้าลงสนาม นักเตะผู้แขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขอร้องให้กลับมาช่วยทีมจนคว้าแชมป์ กองกลางหัวสีแดงเพลิงที่เป็นเอกลักษณ์ ชื่อของเค้าคือ ” พอล สโคลส์ ” 

พอล สโกลส์ เป็นบุตรชายของนายสจ็วต และนางมารีน่า สโกลส์ เกิดเมื่อวันที่16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974ที่โรงพยาบาลโฮป ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ในเขตซัลฟอร์ด,มหานครแมนเชสเตอร์ ก่อนที่ต่อมาครอบครัวของเขาจะย้ายมาอยู่ที่ย่านแลงก์ลี่ย์ซึ่งอยู่เขตรอชเดล ขณะที่เขาอายุเพียง1ขวบครึ่ง สโกลส์เริ่มเข้ารับการศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนโรมันคาทอลิก เซนต์แมรี่ โดยชื่นชอบและมีความสามารถในการเล่นคริกเกต และต่อมาได้เข้ารับการศึกษาในชั้นมัธยมที่โรงเรียนโรมันคาทอลิก คาร์ดินาล แลงก์ลี่ย์ โดยในช่วงนี้เอง ที่เขาได้เริ่มต้นฝึกฝนการเล่นฟุตบอลที่สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นครั้งแรก ในขณะอายุ14ปี โดยมีผลงานฟุตบอลในระดับนักเรียนคือเป็นหนึ่งในตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันฟุตบอลนักเรียนแห่งสหราชอาณาจักร ก่อนจะจบการศึกษาจากโรงเรียนนี้ในปี 1991

พอล สโคลส์ เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลฝึกหัดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 1991 และเป็นนักเตะอาชีพ 18 เดือน หลังจากนั้นในวันที่ 23 มกราคม 1993 ในขณะที่เล่นให้กับทีมเยาวชนเขาโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมาก และได้แชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ กับทีมชุดเยาวชนในปี 1993 อีกทั้งเขายังลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพส์ ในปี 1993 ด้วย

เขาลงเล่นในลีกให้กับสโมสรครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กันยายน 1994 โดยนัดนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ อิปสวิช ทาวน์ และแม้เขาจะสามารถยิงได้ถึง 2 ประตู แต่ผลการแข่งขันก็จบลงที่ ความพ่ายแพ้ของทีม 2 – 3

ในฤดูกาล 1994/95 เขาได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่มากขึ้น เนื่องจากต้องลงเล่นแทน เอริค คันโตน่า ที่ติดโทษแบน บางนัดก็ลงเล่นแทนตำแหน่งของ มาร์ค ฮิวจ์ส ที่มีอาการบาดเจ็บ อีกทั้งได้ลงเป็นตัวสำรองแทน ลี ชาร์ป ในศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ในฤดูกาลนี้ก็จบลงด้วยการไม่ได้แชมป์ใดๆ เลย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี แต่ในฤดูกาลถัดมา พวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปีมาได้ และนั่นก็เป็นแชมป์ใหญ่แชมป์แรกของเขา อีกทั้งการที่ทีมเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ก็ทำให้ทั้งเขาและสโมสร ได้ ดับเบิ้ลแชมป์ อีกด้วย หรือที่เราๆ เรียกว่า เหล่านักเตะ class of 92 นั้นเอง

paul scholes

ทางด้านการลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ พอล สโคลส์ ก็สามารถทำประตูได้ในนัดแรกที่เขาลงเล่นให้กับทีมชาติแบบเต็มๆ และนั่นก็เป็นนัดแรกที่เขาลงเล่นใน เวมบลีย์ ด้วย และเขามีชื่อในทีมชาติชุดที่เล่นในฟุตบอลโลกในปี 1998 รวมทั้งสามารถทำประตูให้ทีมชาติอังกฤษในนัดเปิดสนามที่พบกับ ตูนีเซีย ในเดือนมีนาคม ปี 1999 เขาก็กลายเป็นนักเตะคนแรกนับตั้งแต่ปี 1984 ที่ทำประตูให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ในดินแดนอิตาลี โดยเขาทำประตูตีเสมอให้ทีมในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ อินเตอร์ มิลาน ที่สนาม ซาน ชิโร่ และหลังจากนั้น ในเดือนเดียวกันนี้เขาก็ยังสามารถทำประตูให้กับทีมชาติอังกฤษ ช่วยให้ทีมเอาชนะ โปแลนด์ 3-1 ที่สนาม เวมบลีย์ ในรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร 2000

แม้ว่าจะค่อนข้างจะขี้อายและไม่ค่อยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนมากนัก แต่เขาก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์อย่างภาคภูมิใจว่า มันเป็นความรู้สึกที่ดียอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่เล่นฟุตบอลมาเลย ผมได้ทำประตูที่สำคัญให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก และการที่แฟนๆ ให้กำลังใจผมโดยตลอด นั่นทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ จริงๆ

ไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาก็ประกาศว่า เขากับภรรยา แคลร์ กำลังจะได้ลูกคนแรก แต่นิยายเรื่องนี้ก็ไม่จบลงด้วยความสุขเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นเขายังเป็นส่วนหนึ่งในทีมที่คว้า 3 แชมป์ด้วย แต่สิ่งเดียวที่น่าผิดหวังของเขาก็คือ ในฤดูกาล1998/99 เขาต้องติดโทษแบนและไม่สามารถลงเล่นได้ในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ บาร์เซโลน่า ทั้งยังได้รับความอับอายเมื่อเขาเป็นนักฟุตบอลอังกฤษคนแรกที่ถูกไล่ออกในสนาม เวมบลีย์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในศึก ยูโร 2000 รอบคัดเลือก และจบเกมอย่างน่าผิดหวังด้วยการเสมอกับสวีเดน 0-0

paul scholes

สโคลส์ เริ่มต้นฤดูกาล 1999/2000 ด้วยการเป็นพ่อคน เมื่อ แคลร์ ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกคนแรก อาร์รอน เจค ในช่วงปลายเดือน กรกฎาคม

กับทีมชาติเขาสามารถทำประตูในการพบกับ สกอตแลนด์ ในศึกยูโร 2000 นัด เพลย์-ออฟ ได้และนั่นก็ส่งผลให้เขาได้รับการโหวตโดย England Supporters Club ได้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี และในช่วงเดือนมกราคมปี 2000 ที่ทีมต้องไปแข่ง เวิลด์ คลับ แชมเปี้ยนชิพส์ ที่บราซิล เขาก็ไม่สามารถร่วมเดินทางไปกับทีมได้เนื่องจากต้องเข้ารับการผ่าตัดไส้เลื่อน และถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องทีเดียว เนื่องจากเขาได้พักและทำให้พลาดลงสนามกับศึกพรีเมียร์ชิพ เพียง 1 นัดเท่านั้น และการกลับมาครั้งนี้ เขาก็สามารถทำประตูได้กับทีมได้ 7 ประตู ตลอดช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล และทีมก็สามารถคว้าแชมป์ที่ 6 ในรอบ 8 ปีได้เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล

ปี 2000/2001 ชีวิตในวงการฟุตบอลของเขาก็ยังคงไปได้ดี เขาสามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิพ ครั้งที่ 5 ของตนเองได้ด้วยการลงสนาม 44 นัดและทำประตูได้ในลีก 11 ประตู แต่ที่ดีที่สุดในฤดูกาลนั้นคือ การทำประตูในระยะ 32 หลาในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ พานาธิไนกอส และเขาก็จบฤดูกาลนี้ด้วยการทำประตูในฟุตบอลยุโรป 15 ประตู ซึ่งมากกว่า เดนิส ลอว์ อยู่ 1 ประตู

paul scholes

ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2001 สโคลส์ และ แคลร์ ก็ประกาศให้สื่อมวลชนทราบว่าพวกเขาได้ให้กำเนิดลูกคนที่ 2 แล้ว โดยมีชื่อว่า อลิเชีย และในวันที่ 6 กรกฎาคม 2001 เขาก็จรดปากกาต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีม โดยจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน ปี 2006 นอกเหนือจากฤดูกาลที่น่าผิดหวังกับสโมสรในปีนี้ เราและเพื่อนๆ อย่าง เดวิด เบ็คแฮม, นิคกี้ บัตต์ และ เวส บราวน์ ก็ได้ร่วมเล่นทีมชาติด้วยกันในศึกฟุตบอลโลกปี 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ แต่ด้วยมาตรฐานที่สูงของตัวเขาเองทำให้ถูกมองว่าฟอร์มการเล่นในครั้งนี้ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไรนัก แม้ว่าจริงๆ แล้ว เขาคือผู้เล่นในตำแหน่งแดนกลางที่สำคัญมากในทีมคนหนึ่ง และในขณะนั้นทีมชาติอังกฤษ ก็สามารถเข้าถึงรอบ Quarter-finals ได้แต่ก็ต้องพบกับ บราซิล และตกรอบไปในที่สุด

เขากลับมาเล่นให้กับสโมสร และได้ลงเล่นในตำแหน่งใหม่นั่นคือ ศูนย์หน้าต่ำ ซึ่งเล่นข้างหลัง รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่เป็นกองหน้าตัวเป้า และเขาก็พิสูจน์ว่า เฟอร์กี้ คิดถูกที่เขาเล่นในตำแหน่งนี้ เพราะเขาสามารถทำประตูได้กับทีมได้ถึง 20 ประตู และทีมก็สามารถคว้าแชมป์ลีก ครั้งที่ 8 ได้สำเร็จ ซึ่งหลายต่อหลายคนก็ยกเครดิตครั้งนี้ให้กับ รุด แต่ความสามารถของ พอล สโคลส์ เองก็ไม่เคยมีใครมองข้ามไปเช่นกัน

และในฤดูกาล 2007/08 สโคลส์ ก็ได้นำทัพพลพรรคปีศาจแดงเถลิงบัลลังก์คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี่ยนลีกมาได้เป็นสมัยที่ 3 ของสโมสรหลังจากที่หักด่านทีมต่างดาวบาเซโลน่า ด้วยลูกยิงไกลสุดสวยของเจ้าตัว ก่อนที่จะเข้าไปชิงกับเชลซีทีมรวมลีก และเอาชนะด้วยการดวลจุดโทษในค่ำคืนนั้น แถมปีนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังได้ดับเบิ้ลแชมป์อีกด้วย

ในฤดูกาลที่ 2010/11 สโคลส์ประกาศแขวนสตั๊ด ปิดตำนานกองกลางหัวแดงเพลิงไปอย่างน่าเสียดายหลังคว้าแชป์ลีก ก่อนที่ปีถัดมา ฤดูกาล2011/12 แมนยูจะพลาดท่าป้องกันแชมป์ในนัดสุดท้าย โดยการปาดเข้าแชมป์หน้าใหม่ร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในปีนั้นแบบสุดดราม่า ใครที่เชียร์แมนยู ปีนั้นผมบอกเลย มีช็อคกันเป็นแถบ ๆ ก่อนที่ปีถัดมาฤดูกาล 1012/13 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะขอร้องให้สโคลส์กลับมาช่วยทีมอีกสักครั้ง แล้วคำตอบนะหรอ แน่นอน สโคลส์ไม่มีทางปฏิเสธป๋าหรอก ก่อนที่ปีนั้น แมนยูจะกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอีกครั้ง เป็นสมัยที่ 13 มากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีกมา แซงหน้าอริตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูล ก่อนที่ทั้งโลกจะช็อกอีกรอบสอง เมื่อทั้งสโคลส์และเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะประกาศอำลาสโมสรแห่งนี้ ปิดตำนานสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งโรงละครแห่งความฝัน 

เกียรติประวัติ พอล สโคลส์

  • พรีเมียร์ลีก 11 สมัย : 1995-96, 1996-97, 1998-99, 1999-2000, 2000-01, 2002-03, 2006-07, 2007-08, 2008-09, 2010-11, 2012-13
  • เอฟเอคัพ 3 สมัย : 1995-96, 1998-99, 2003-04
  • ลีกคัพ 2 สมัย : 2008-09, 2009-10
  • คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 5 สมัย : 1996, 1997, 2003, 2008, 2010
  • ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2 สมัย : 1998-99, 2007-08
  • Intercontinental Cup 1 สมัย : 1999
  • ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ 1 สมัย : 2008
ติดตามข่าวสารแมนยูได้ที่ >>ข่าวล่าสุดแมนยู<<

ติดตาม IG พอล สโคลส์ได้ที่: paulscholesaaa